ทฤษฎี Node Voltage
โนด คือ จุดต่อต่างๆ ในวงจรไฟฟ้าที่มีสาขาของวงจรต่ออยู่ตั้งแต่ 2 สาขาขึ้นไป
โนดหลัก(Principle node) คือ จุดต่อต่างๆ ในวงจรไฟฟ้าที่มีสาขาของวงจรมาอยู่ตั้งแต่ 3 สาขาขึ้นไป
จุด B, C และ E เป็นโนดหลักเพราะมี มากกว่า 2 สาขาขึ้นไป
โนดเปรียบเทียบ (Reference node)
คือโนดหลักที่สมมุติให้แรงเคลื่อนประจำโนดนั้นเป็น 0 V
เพื่อใช้เปรียบเทียบแรงเคลื่อนกับโนดอื่นๆในวงจรหรือ อาจเรียกว่า
โนดดิน(Ground node)หรือโนดที่กำหนดให้(Datum node)
ในการเลือกโนดหลักเพื่อให้เป็นโนดเปรียบเทียบนั้น ควรเลือกจากโนดที่มีสาขา
ของวงจรมาต่อมากที่สุด ซึ่งจากรูปด้านบนโนดเปรียบเทียบควรเป็น โนด E
แรงเคลื่อนโนด
คือแรงเคลื่อนที่วัดเปรียบเทียบ ระหว่างโนดหลักกับโนดเปรียบเทียบ เช่น VB
หรือ VBE เราวัดแรงเคลื่อนระหว่าง โนด B กับ โนด E และ VC หรือ VCE
วัดแรงเคลื่อนระหว่างโนด C กับ E
จำนวนสมการ = จำนวนโนดหลักทั้งหมดรวมทั้งโนดเปรียบเทียบ – 1
จากรูปด้านบน จำนวนสมการ E = N – 1
= 3 – 1
= 2
ลำดับขั้นการแก้ปัญหาวงจรไฟฟ้าด้วยโนดโวลต์เตจ
1. กำหนดโนดหลักและเลือกโนดหลัก 1 โนดเพื่อใช้เป็นโนดเปรียบเทียบ
เลือกเป็นโนดอ้างอิง
2. ตั้งสมการกระแสของเคอร์ชอฟฟ์ในแต่ละโนด
3. แก้สมการหาค่าแรงเคลื่อนโนด
4. คำนวณหาค่าในวงจร
ตัวอย่างการคำนวณ จงคำนวณหาค่ากระแสที่ไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัว
ขั้นวางแผน 1.กำหนดโนดหลัก 2 โนด คือ A และ B โดยให้ โนด B เป็นโนดเปรียบเทียบ
2.จำนวนสมการ E = 2-1 = 1
3.สมมติกระแสที่โนด A และตั้งสมการกระแสของเคอร์ชอฟฟ์
4.คำนวณหาแรงเคลื่อนที่โนด A(VA)
5.คำนวณหาค่ากระแสที่ผ่านความต้านทานแต่ละตัว
วิธีทำ กำหนดโนด
สมมติกระแสที่โนด A และตั้งสมการกระแสของเคอร์ชอฟฟ์
ที่โนด A คำนวณหาแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่โนด A
แทนค่า IA , IB และ IC ใน สมการ
แทนค่า R1 ,R2 ,R3
หาค่า VA และหาค่า IA
ดังนั้น กระแสผ่าน R1 = IA = 0.43 A
กระแสผ่าน R2 = IB =0.71 A
กระแสผ่าน R3 = -IC = 1.14 A
ตรวจสอบกระแส
ถ้ากำหนดให้โนดใดโนดหนึ่งในวงจรเป็นโนดอ้างอิง (Reference Node) โดยโนดอ้างอิงนี้จะกำหนดให้มีแรงดันโนดเท่ากับ 0 โวลต์ซึ่งปกติแล้วจะให้โนดใดเป็นโนดอ้างอิงก็ได้ แต่ถ้าวงจรนั้นมีกราวน์ (ground) จะให้โนดกราวน์เป็นโนดอ้างอิง
รูปที่ 1 สัญลักษณ์ของกราวน์
แรงดันที่โนดใดๆในวงจรนั้นเมื่อเทียบกับโนดอ้างอิง จะกำหนดให้เป็นแรงดันประจำโนดคือ แรงดันโนด (Node voltage)
รูปที่ 2 แรงดันโนด
กระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานเมื่อเขียนเป็นสมการที่สัมพันธ์กับแรงดันโนดจะได้เป็นผลต่างของแรงดันทั้งสองโนดที่ตัวต้านทานต่ออยู่หารด้วยค่าความต้านทานตามกฎของโอห์ม
โดยผลต่างของแรงดันนั้นคือผลลบของแรงดันโนดตามทิศทางของกระแส เช่นรูปที่
3 จะเขียนสมการได้ดังนี้
รูปที่ 3 กระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานในทิศทางต่างๆ
ขั้นตอนการวิเคราะห์แบบโนด (Nodal Analysis)
- กำหนดโนดอ้างอิง
- กำหนดแรงดันโนดที่โนดต่างๆที่เหลือในวงจรที่ไม่ใช่โนดอ้างอิง (เช่นกำหนดให้แรงดันที่โนดหนึ่งเท่ากับ V1 แรงดันที่อีกโนดหนึ่งเป็น V2 เป็นต้น) โดยถ้าวงจรมีทั้งหมด N โนด จะมีตัวแปรแรงดันเป็น N - 1 ตัวแปร
- ใช้สมการ KCL หาผลรวมของกระแสที่ไหลเข้าหรือออกที่โนดต่างๆ (จำนวน N - 1 โนด) โดยใช้กฎของโอห์มแสดงกระแสที่ไหลผ่านอุปกรณ์ในรูปของตัวแปรแรงดันโนด (โดยปกติจะกำหนดให้กระแสที่ไหลออกจากโนดมีค่าเป็นบวกส่วนกระแสที่ไหลเข้าโนดมีค่าเป็นลบ)
- แก้สมการเพื่อหาตัวแปรแรงดันโนด ( V1, V2 เป็นต้น)
ตัวอย่างการวิเคราะห์แบบโนด
รูปที่ 4 ตัวอย่างวงจรที่ใช้การวิเคราะห์แบบโนด
วงจรในรูปที่ 4
ได้กำหนดโนดอ้างอิงไว้ที่โนดด้านล่างสุดของวงจรซึ่งมีแรงดันโนดเป็น 0 โวลต์โดยอีกสองโนดที่เหลือได้กำหนดให้มีแรงดันโนดเป็น V1 และ V2 ตามลำดับ
ดังนั้นจะเขียนสมการ KCL ที่โนด V1 ได้เป็น
หมายเหตุ กำหนดให้กระแสที่ไหลออกจากโนดมีค่าเป็นบวก ส่วนกระแสที่ไหลเข้าโนดมีค่าเป็นลบ
และสมการ KCL ที่โนด V2 เป็น
และเมื่อแก้สมการ KCL ที่โนดทั้งสองก็จะได้คำตอบคือแรงดันที่โนด V1 และ V2
การวิเคราะห์แบบโนดกรณีที่มีแหล่งจ่ายแรงดัน
วิธีการวิเคราะห์แบบโนดนั้นใช้หลักการของ KCL
ซึ่งจำเป็นต้องทราบค่าของกระแสที่ไหลผ่านอุปกรณ์ต่างๆในวงจร
แต่สำหรับแหล่งจ่ายแรงดันนั้นเราจะไม่ทราบว่ามีกระแสไหลผ่านเท่าใด
ดังนั้นสำหรับวงจรที่ประกอบด้วยแหล่งจ่ายแรงดันนั้นจะใช้การสร้างพื้นผิวปิดล้อมรอบแหล่งจ่ายแรงดัน
และอุปกรณ์ต่างๆที่ต่อขนานกับแหล่งจ่ายแรงดันนั้นซึ่งเราเรียกพื้นผิวปิดนี้ว่าซูปเปอร์โนด
(Super nodes) เนื่องจากว่าซูปเปอร์โนดนี้ประกอบด้วยโนดภายในมากกว่า 1 โนด
จากนั้นก็ทำการเขียนสมการ KCL
สำหรับพื้นผิวปิดนั้นโดยไม่สนใจกระแสที่ไหลภายในพื้นผิวปิดข้อควรระวังก็คือเนื่องจากซูปเปอร์โนดนั้นประกอบด้วยโนดภายในมากกว่า 1 โนด
ดังนั้นที่ซูปเปอร์โนดนั้นจะมีค่าแรงดันโนดหลายค่า
รูปที่ 3.5 ตัวอย่างวงจรที่มีแหล่งจ่ายแรงดัน
ในวงจรจะมีแหล่งจ่ายแรงดันสองแหล่งดังนั้นจะได้ความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งจ่ายแรงดันและแรงดันโนดเป็น
และ
เขียนสมการ KCL ที่โนด V2 ได้
ส่วนสมการ KCL ที่โนด คือ
ส่วนที่ซูปเปอร์โนดทั้งสองจะต้องเขียนสมการ
KCL ด้วย แต่เขียนสมการ KCL
เฉพาะซูปเปอร์โนดที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับกราวน์เท่านั้น
ดังนั้นในที่นี้จึงมีซูปเปอร์โนดเดียวที่ต้องเขียนสมการคือ
ซูปเปอร์โนดที่ประกอบด้วยแหล่งจ่าย Vs2
รูปที่ 6 ส่วนหนึ่งของวงจรรูปที่ 5
เขียนสมการที่ซูปเปอร์โนด Vs2 ได้
สรุปได้ว่าจากวงจรนี้จะมีสมการสองสมการที่มาจากความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งจ่ายแรงดันกับแรงดันโนด
อีกสองสมการจากสมการ KCL ที่โนดและอีกหนึ่งสมการจากสมการ KCL
ที่ซูปเปอร์โนดรวมทั้งหมด 5 สมการ ซึ่งสามารถใช้หาคำตอบคือ V1 ถึง V5 ได้
ขั้นตอนการวิเคราะห์แบบโนดกรณีมีแหล่งจ่ายแรงดัน
-
กำหนดโนดอ้างอิง
-
กำหนดแรงดันโนดที่โนดต่างๆที่เหลือในวงจรที่ไม่ใช่โนดอ้างอิง (เช่นกำหนดให้แรงดันที่โนดหนึ่งเท่ากับ V1 แรงดันที่อีกโนดหนึ่งเป็น V2 เป็นต้น) โดยถ้าวงจรมี ทั้งหมด N โนด จะมีตัวแปรแรงดันเป็น N - 1 ตัวแปร
-
สร้างพื้นผิวปิดล้อมรอบแหล่งจ่ายแรงดัน และอุปกรณ์ต่างๆที่ต่อขนานกับแหล่งจ่ายแรงดันนั้น ซึ่งเราเรียกพื้นผิวปิดนี้ว่าซูปเปอร์โนด
-
เขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งจ่ายแรงดันและแรงดันโนด
-
ใช้สมการ KCL หาผลรวมของกระแสที่ไหลเข้าหรือออกที่โนดต่างๆ และที่ซูปเปอร์โนดที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับกราวน์โดยใช้กฎของโอห์มแสดงกระแสที่ไหลผ่านอุปกรณ์ในรูปของตัวแปรแรงดัน โนด (โดยปกติจะกำหนดให้กระแสที่ไหลออกจากโนดมีค่าเป็นบวกส่วนกระแสที่ไหลเข้าโนดมีค่าเป็นลบ)
-
แก้สมการทั้งหมดเพื่อหาตัวแปรแรงดันโนด (V1, V2 เป็นต้น)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น