กฎของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchoff's Low)
วงจรไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ผ่านมา
เป็นวงจรอย่างง่ายที่สามารถนำเอากฎของโอห์มมาใช้ในการแก้ปัญหาได้โดยตรง
แต่ถ้าเป็นปัญหาโจทย์ที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อนมาก ๆ
แล้วจะไม่สามารถใช้กฎของโอห์มแก้ปัญหาได้โดยตรง
วงจรเหล่านี้จะประกอบด้วยแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าหลายตัวและอุปกรณ์ต่างๆ
ต่ออยู่หลายสาขา
วิธีการแก้ปัญหาโจทย์ของวงจรที่ซับซ้อนเหล่านี้ให้ได้จนปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกันวิธีการหนึ่งที่คิดขึ้นแก้ปัญหาวงจรที่ซับซ้อนนี้
ได้มาจากผลการทดลองของนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อว่า กุสตาฟ อาร์ เคอร์
ชอฟฟ์ ในราวปี พ.ศ. 2400
เคอร์ชอฟฟ์ได้ตั้งข้อสรุปผลจากการทดลองของเขาขึ้นมา 2
ข้อรู้จักกันในชื่อว่ากฎของเคอร์ชอฟฟ์ ซึ่งกล่าวไว้ดังนี้มีอยู่ด้วยกัน 2
กฎ คือ กฎกระแสของเคอร์ชอฟฟ์ที่กล่าวว่า ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้า ณ
จุดใดๆของวงจรไฟฟ้าย่อมมีค่าเท่ากับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลออก ณ
จุดจุดนั้นของ วงจร อีกกฎหนึ่งก็คือ กฎแรงดันของเคอร์ชอฟฟ์ที่กล่าวว่า
ผลรวมของแรงดันไฟฟ้าในวงจรรอบปิด
เมื่อมารวมกันแล้วจะต้องมีค่าเท่ากับศูนย์ กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์
กล่าวว่า “ กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าจุดใดจุดหนึ่งในวงจรไฟฟ้า
จะเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากจุดนั้น” กฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์
กล่าวว่า “
ผลบวกของแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้ในวงจรไฟฟ้าปิดจะมีค่าเท่ากับผลบวกของแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมความต้านทานในวงจรไฟฟ้าปิดนั้น”
กฎของ เคอร์ชอฟฟ์ นั้นสามารถแยกได้เป็นสองข้อหลักๆ คือ
ตัวอย่างที่ 1 จากรูปให้คำนวณค่า IT , I1 , I2 , I3
วิธีทำ หาค่าความต้านทานรวมของวงจร R2 // R3 // R4
คำนวณค่า
หาแรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R2 // R3 // R4
เนื่องจาก R2 = R3 = R4
ดังนั้น
สรุปได้ว่า กระแสไฟฟ้าไหลเข้า = กระแสไฟฟ้าไหลออก หรือ
จากนิยามกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์จะได้ว่า
จากสมการสรุปกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ผลรวมของแรงดัน - ไฟฟ้าทั้งหมดในวงจรไฟฟ้าปิดใด ๆ จะเท่ากับศูนย์”
3. ข้อกำหนดในการใส่เครื่องหมายหน้าแรงดันไฟฟ้าให้ถูกต้อง
1) ใส่เครื่องหมายบวก (+) ต้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลเข้าและใส่เครื่องหมายลบ (–) ปลายทางที่กระแสไฟฟ้าไหลออก
2) ในการเขียนสมการแรงดันไฟฟ้าให้เริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งไล่ไปเรื่อย ๆ พบบวก (+) ให้ ใส่เครื่องหมายบวก (+) ถ้าพบลบ (–) ให้ใส่เครื่องหมายลบ (–) จนครบวงจร
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่ากระแสไฟฟ้า I1 และ I2 ในวงจร
หาค่า I1 จากสมการที่ (1)
แทนค่า I1 ในสมการที่ (2) จะได้
กุสทาฟ โรแบร์ท คีร์ชฮอฟฟ์ (เยอรมัน: Gustav Robert Kirchhoff; 12 มีนาคม ค.ศ. 1824-17 ตุลาคม ค.ศ. 1887)
กฎของ เคอร์ชอฟฟ์ นั้นสามารถแยกได้เป็นสองข้อหลักๆ คือ
- กฎทางด้านกระแสไฟฟ้า (Kirchhoff’s Current Law, KCL) กล่าวว่า “ กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าจุดใดจุดหนึ่งใน วงจรไฟฟ้าจะเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากจุดนั้น”
- กฎในเรื่องแรงดันไฟฟ้า (Kirchhoff’s Voltage Law, KVL) กล่าวว่า “ ผลบวกของแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้ในวงจรไฟฟ้าปิดจะมีค่าเท่ากับผลบวกของแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมความต้านทานในวงจรไฟฟ้าปิดนั้น”
1. กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchoff’s current Law)
กล่าวว่า
ปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้า ณ
จุดใดๆย่อมมีค่าเท่ากับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกหรือกล่าวได้ว่า
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าและกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกมีค่าเท่ากับศูนย์
ซึ่งกฎเคอร์ชอฟฟ์ว่าด้วยกระแสไฟฟ้าเรียกทับศัพท์ คือ เคอร์ชอฟฟ์ เคอร์เลนต์
ลอว์ ( Kirchhoff Current Law , KCL
) จากคำกล่าวที่ผ่านมาสามารถนำมาเขียนเป็นสมการอย่างง่ายได้ดังนี้
รูปที่ 1 ความหมายของกฎกระแสของเคอร์ชอฟฟ์
ตัวอย่างที่ 1 จากรูปให้คำนวณค่า IT , I1 , I2 , I3
รูปที่ 2 วงจรไฟฟ้าตามกฎของเคอร์ชอฟฟ์
วิธีทำ หาค่าความต้านทานรวมของวงจร R2 // R3 // R4
คำนวณค่า
หาแรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R2 // R3 // R4
หากระแสไฟฟ้า
เนื่องจาก R2 = R3 = R4
ดังนั้น
เมื่อ IT เป็นกระแสไฟฟ้าไหลเข้า
I2 ,I3 ,I4 เป็นกระแสไฟฟ้าไหลออก
แทนค่า 3 = 1 + 1 + 1
3 = 3
สรุปได้ว่า กระแสไฟฟ้าไหลเข้า = กระแสไฟฟ้าไหลออก หรือ
กระแสไฟฟ้าไหลเข้า – กระแสไฟฟ้าไหลออก = 0 หรือ
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าไหลเข้า = ผลรวมของกระแสไฟฟ้าไหลออก
2. กฎของเคอร์ชอฟฟ์ว่าด้วยแรงดันไฟฟ้า
กล่าวโดยสรุปได้ว่า
“ในวงจรไฟฟ้าใดๆผลรวมทางพีชคณิตของแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่วงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมความต้านทานในวงจรไฟฟ้าปิดนั้น
” ลักษณะของวงจรไฟฟ้าปิด หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่าลูป (Loop) หมายถึง
เส้นทางใดๆก็ตามในวงจรไฟฟ้า
ถ้าหากเริ่มจากจุดหนึ่งไปตามเส้นทางนั้นแล้วสามารถกลับมายังจุดนั้นได้อีก
เรียกว่า ลูป (Loop) เช่น
รูปที่ 4 แสดงวงจรอนุกรม
จากนิยามกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์จะได้ว่า
จากสมการสรุปกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ผลรวมของแรงดัน - ไฟฟ้าทั้งหมดในวงจรไฟฟ้าปิดใด ๆ จะเท่ากับศูนย์”
การเขียนสมการแรงดันไฟฟ้าโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์
- ให้สมมติกระแสไฟฟ้าที่ไม่ทราบค่าพร้อมทิศทาง
1) กำหนดขั้วแรงดันไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ในวงจรทุกตัวตามทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรโดยกำหนดให้ด้านที่กระแสไฟฟ้าไหลเข้ามีศักย์ไฟฟ้าเป็นบวกและด้านที่กระแสไฟฟ้าไหล ออกจากอุปกรณ์มีศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ
2) เขียนสมการแรงดันไฟฟ้าตามกฎของเคอร์ชอฟฟ์ในวงจรต่างๆที่เป็นไปได้และใส่เครื่องหมายหน้าแรงดันไฟฟ้าให้ถูกต้อง โดยทั่วๆไปสมการเหล่านี้ตัวที่ไม่รู้ค่าจะเป็นกระแสไฟฟ้าส่วนตัว ต้านทานจะกำหนดค่ามาให้ ดังนั้นจะต้องพยายามหาค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านส่วนต่างๆของวงจรให้ได้ หากกระแสไฟฟ้าที่คำนวณออกมาได้ค่าเป็นลบ (–) แสดงว่ากระแสไฟฟ้าที่แท้จริงมีทิศทางตรงข้ามกับที่สมมติไว้
- กฎการคูณและการหารเครื่องหมายดังนี้
3. ข้อกำหนดในการใส่เครื่องหมายหน้าแรงดันไฟฟ้าให้ถูกต้อง
1) ใส่เครื่องหมายบวก (+) ต้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลเข้าและใส่เครื่องหมายลบ (–) ปลายทางที่กระแสไฟฟ้าไหลออก
2) ในการเขียนสมการแรงดันไฟฟ้าให้เริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งไล่ไปเรื่อย ๆ พบบวก (+) ให้ ใส่เครื่องหมายบวก (+) ถ้าพบลบ (–) ให้ใส่เครื่องหมายลบ (–) จนครบวงจร
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่ากระแสไฟฟ้า I1 และ I2 ในวงจร
หาค่า I1 จากสมการที่ (1)
แทนค่า I1 ในสมการที่ (2) จะได้
คูณ 60 เข้าไปในวงเล็บและเอา 85 คูณตลอดเพื่อกำจัดตัวส่วนให้หมดไปจะได้
ผมอยากรู้ว่าทำไมคำตอบถึงได้เท่านั้นครับ
ตอบลบ